วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

The Refugee 1st day

1st day
              ผมชื่อ เฟรเดอร์ริก(Frederic) อายุ 23 ปี คนวัยทำงาน แต่ผมตกงาน ไม่มีงานทำ ไปที่ใหนก็ไม่มีใครรับ แล้วใครจะไปรับผม เข้าทำงาน ผมมันก็แค่นักเรียนจบ มัธยมต้น    เผลอๆจบแค่ประถมปลายด้วยซ้ำ เพราะเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วไม่มีเงินเรียนต่อจนจบ  ทำไมผมไม่ไปทำงานเก็บขยะขายล่ะ หรือทำความสะอาดห้าง หรืองานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา อะไรทำนองนี้   ผมก็มีความฝันเหมือนคนหลายๆคนน่ะแหละ  อยากมีงานดีๆทำ อยากมีอนาคต แต่บังเอิญโลกใบนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก ในเมืองใหญ่ๆแบบนี้เพื่อนผมก็มีไม่มาก คุยด้วยก็มีไม่กี่คน บ้างก็คุยกับคนขอทาน บ้างก็พ่อค้าขายอาหารตามสั่งบ้าง ในเมืองแบบนี้ใว้ใจใครได้ มีแต่เสือสิงกระทิงแรด ชิงดีชิงเด่นทั้งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดสงครามกลางเมืองหรือเปล่าไม่รู้หรือทหารประเทศไรบุกก็ไม่ทราบ วันนั้น ช่างเป็นวันที่ๆอึกทึกมาก  วันที่ปริติรถก็ติดบรมก็ขับแบบเลือดร้อน ชนกันระนาวจากที่วันปรกติรถมันก็ติดอยู่แล้ว กลายเป็นวันที่ติดเป็นอัมพฤก อัมพาตอยู่แล้ว และวันที่เกิดภัยสงครามอยู่แล้ว  แน่นอนว่าทุกคนต้องสละรถ และยานพาหนะตน เอาชีวิตให้รอด
             วันนั้นเป็นวันที่ผมอยู่บนที่สูงแห่งหนึ่ง สูงพอที่จะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้ทุกคนต่างหนีตาย เอาตัวรอด ผมก็เดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนไปเห็นทีวีสาธารณะรายการทีวีถูกขั้นด้วยข่าวฉุกเฉิน ว่าขณะนี้บ้านเมืองเราเข้าสู่ภัยสงครามถูกศัตรูรุกราน ทำร้ายพี่น้องประชาชน ขอให้รีบกลับบ้านและอยู่แต่ในบ้าน อย่าเดินเพ่นพ่านบนถนนหรือประชาชนท่านใดที่อยู่นอกเขตที่ถูกโจมตี  โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางตามแผนที่ที่ปรากฏทางทีวี หากใครอยู่ในเขตดังกล่าว ขอให้ลี้ภัยไปอยู่"เขตลี้ภัย"ไม่ก็ให้ลี้ภัยไปอยู่ในสถานที่ราชการ ไกล้บ้านให้เร็วที่สุดเพื่อที่ทางรัฐฯจะได้คุ้มครองพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง" จากนั้นทหารก็ทำการยิงจอทีวีและไล่ยิงผู้คนตามท้องถนนอย่างโหดร้ายทารุณ และรถถังก็เต็มไปหมด ท้องฟ้าหนาตาไปด้วยร่มแบบ H.A.L.O.(High Additide Light Operation หรือ โดดร่มแบบส่งกำลังเสริมที่นิยมใช้ในการส่งทหารราบ)
               ภาคในเวลาไม่กี่ชั่วโมงไม่ถึงครึ่งวัน  เป็นวันที่ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไป ผู้คนที่เคยคับคั่งตามถนนหนทาง ข้างถนนที่เคยชุกชุมไปด้วยผู้คนมากมาย มีแผงลอยขายของ อยากกินอะไรก็ซื้อเอา อยากคุยกับขอทานคนนั้น อยากคุยกับพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวคนนี้ บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว ผมเห็นเขาตาย ขอทานคนนั้นก็หายไป ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ความจริงที่เที่ยงแท้ และไม่มีวันตาย ที่ผมเชื่อมาตลอดว่า "คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด" บัดนี้จากสังเวียน"น้ำลาย" กลายเป็นการต่อสู้ด้วย"กำลัง"ระหว่าง ศัตรูผุ้รุกราน กับเพื่อนร่วมชาติ บททดสอบอีกรูปแบบของผม และข้อสอบของหลายๆคนที่จะต้องผ่านไปเท่านั้นก็ต้อง อดตาย ไม่ก็ถูกฆ่า แม้จะไม่อยากทำก็ต้องทำ เพราะมีแค่ให้เลือก 2 ข้อ คืออยู่หรือตายเท่านั้นเอง
              เรื่องนี้หลายๆคนย่อมให้ความรู้สึกว่ามันดูเหมือนนิยายซอมบี้ที่เราต้องหนีมัน พวกมันไม่ยอมแพ้ และไม่ลดละความพยายาม  แต่แค่เปลี่ยนตัวอันตรายเป็นทหารเฉยๆ   เอาจริงๆนะครับทหารนั้นก็เป็นคนเหมือนกันเรา วิ่งเร็ว และฉลาดๆเท่าๆกับเรา แถมพวกมันก็รู้จักการดักยิง วางกับดัก และยิงด้วย
และแน่นอนจากนี้ไปผมจะเรียก พวกทหารเหล่านี้ว่า "ผู้รุกราน"
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกให้พวกท่านได้รับรู้ว่า การจะหลบหลีกผู้รุกรานนั้นมันไม่ง่ายเลย สิ่งที่ผมจะต้องต่อสู้คือนอกจากจะต้องหาทางหนีทีไล่แล้ว ต้องหาคนที่ยังมีชีวิตรอด และยังต้องหาอาหาร ยารักษาโรค และอาวุธ ซึ่งมันจะต้องลดลงไปเรื่อยๆ มันเป็นการท้าทายไหวพริบของผมอย่างมาก เกมส์นี้เล่นผิดคือ จบเกมส์ และมันก็ไม่เหมือนตู้เกมส์ หรือเกมส์คอมพ์ที่เราเล่นกันตามบ้าน เพราะตู้เกมส์แพ้ก็แค่หยอดเหรียญ แต่เกมส์นี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเล่นแพ้ก็ตายสถานเดียว      เพราะฉะนั้นเกมส์นี้มันไม่มีอะไรมากก็แค่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกๆก้าวต้องวางแผนอย่างรัดกุมที่สุด เกมส์นี้มันไม่เหมือนเกมส์ตู้ หรือเกมส์คอมพ์ เพราะเกมส์ตู้คุณตายคุณก็แค่หยอดเหรียญ เกมส์คอมก็แค่กดรีสตาร์ท แต่เกมส์นี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หากคุณถูกจับได้คุณก็ถูกส่งไปค่ายกักกัน 
             พอผมรีบมาเหมือนคนอื่นๆเพื่อรีบซื้ออาหารก็ต้องตะลึงกับคนที่มีจำนวนมากแบบสุดยอด   พอพูดถึงและฉุกคิดเรื่องอาหารจะไปหาที่ใหน  ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้คิดเหรอว่าไปร้านสะดวกซื้อแล้วจะได้มาอ่ะ  ก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนเราก็เหมือนกันเกือบหมดแหละที่ว่า เวลาภัยมาถึงคนก็ต้องกว้านซื้อของไปตุนใว้ก่อน ใครเงินเยอะก็ซื้อได้เยอะ ใครดีใครได้ บางคนนี่ บางทีนะ เมื่อหลายปีก่อนแค่เกิดภัยน้ำท่วมนะยังซื้อไปแบบว่าจะมุดหัวซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านสัก 1-2 ปีเหรอครับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่ซื้อไปเป็นยกกล่องใหญ่ๆ 8 กล่อง คือนี่"กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ" กลัวจนไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นที่ร่วมทุกข์บ้างเลยเหรอ ภัยสงครามก็ลงท่าเดิมอ่ะแย่งซื้ออาหารแบบว่า โอ้โห คราวนี้หนักมาก ถึงขั้นฆ่ากันเพื่อแย่งอาหาร  นับว่าหนักกว่าทุกภัยเลยนะเนี่ย  แต่ผมรู้สึกได้ว่ามีภัย เลยรีบหาที่ซ่อนแล้วแอบมองเเบบซ่อนๆอยู่ไกลๆผมก็เห็น ผู้รุกรานไปถึงห้างนั้นเร็วมาก แล้วปิดล้อมจับกุมผู้คน
               ผมเลยจำต้องรีบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ และไม่รู้ทำไมผมไปเผลอเตะโดนขวดเบียร์แล้วชนกันดังมาก  ทำให้สุนัขของผู้รุกรานได้ยินและพยายามวิ่งกรูเข้ามาหาเป็นฝูงๆ ทำให้ผมต้องรีบวิ่งอย่างสุดชีวิตเลยครับ  โอ้โห ไฟฉายแบบของทหารที่สุดยอดแสบตา กับกระสุนนี่พุ่งมาแบบเป็นเส้นเป็นสายเลยนะเนี่ยแต่ด้วยสะดุดแล้วตกขี้โคลนแล้วนอนจมกองโคลนหมดสติหัวโผล่แล้วเลอะขี้โคลนจนดูเหมือนตอขยะกองหนึ่ง ผู้รุกรานส่องไฟฉายพยายามค้นหา พยายามยิงแบบสุ่มบางนัดตกอยู่ข้างๆหูผมห่างไป แค่2นิ้วเท่านั้น แต่ด้วยประสาทที่ชาและมึนทำให้ได้ยินนิดเดียวแต่สุดท้ายก็รอดอย่างปฏิหารย์ นี่คือจุดเริ่มต้นของผมแล้ว การ 
"ลี้ภัย"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรณาใช้ภาษาสุภาพ Noเกรียน Noมนุษย์ต่างดาว

Can't find topic? find it here!