วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Kato reiko the forgotten charactor from Nube

ค           เนื่องด้วยวันแม่แห่งชาติกำลังจะมาถึงในวันที่ 12 สิงหาคมทุกปีในประเทศราชอาณาจักรไทย
ในวัยเดียวกับผม(25ปี ผู้ที่เกิดในปีพ.ศ.๒๕๓๒)
ทุกคนจะต้องเคยได้ยินการ์ตูน เรื่อง"นูเบ มืออสูร ล่าปีศาจ" หรือ ชื่อภาษาอังกฤษ  Hell teacher Nube
ซึ่งสำหรับผมแล้วมีอยู่ตอนหนึ่งในเล่มที่เท่าใหร่ก็จำไม่ได้แต่ชื่อตอน "ระรึกชาติ" ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของ ฮิโรชกลับชาติมาเกิด(ซึ่งแม่ได้รับอุบัติเหตุจากความซนของฮิโรชิจนุงแก่ความตาย) ซึ่งสิบปีต่อมา มีเด็กอนุบาลคนหนึ่ง มาทัก ฮิโรชิว่า
"ลูกจ๋าจำแม่ได้ใหม" ซึ่งฮิโรชิไม่เชื่อจนในที่สุด ครูนูเบต้องตรวจด้วยมืออสูรจนรู้ว่านี่คือแม่ของฮิโรชิจริงๆ ซึ่งแม่(ในร่างเด็ก)พาฮิโรชิกลับบ้านที่ฮิโรชิเคยอยุ่ตอนเด็ก ซึ่งแม่ก็จำได้แม่นแม้กระทั่งกุญแจก็อปที่ซ่อนใว้!?!? และทำกับข้าวให้ และฮิโรชิและในที่สุดก็ปฏิเสฐิที่จะอยู่ด้วย ซึ่งก็หนีแม่แม่ก็ตามจน อาจารย์นูเบก็บอกขอร้องแม่ของฮิโรชิว่า               
         "ได้โปรดให้ผมได้ลบความทรงจำออกไป เพราะ แม่ไม่สามารถอยู่ในร่างเด็กคนนี้ได้ เพราะมันจะเป็นการสร้างบาปกรรมให้กับเด็กคนนี้ฐานทำให้พ่อแม่ของเจ้าของร่างนั้นเสียใจ   ซึ่งจะต้องตกนรกในตอนที่ร่างนี้ตายจากโลกนี้ไป"
ซึ่งตอนเย็นของ 18:00 จะต้องลบความทรงจำ ซึ่งเคียวโกะพยายามตามฮิโรชิ ในเมืองโดโมริ และขอร้องให้ไปหาแม่ ฮิโรชิตอบว่า "ขอดูบอลแมชนี่ก่อน"
เคียวโกะตะโกนบอกว่า "บอลน่ะดูตอนใหนก็ได้แต่แม่ของเธอน่ะ เย็นนี้เขาจะไปจากโลกนี้และนายจะไม่ได้เห็นแม่อีกแล้ว"
ซึ่งวินาทีที่ทำผมร้องไห้แบบปล่อยโฮเลยครับ
คือวินาทีที่กำลังจะถึงแล้วทางนุเบแกก็ไม่รู้สินะ ว่าจะทันไม่ทัน ๖ โมงก็ลบ
พอลบในจังหวะที่ฮิโรชิ มาถึงซึ่งสายเกินไป ซึ่งฮิโรชิรีบกระโดดเข้ากอดร่างเด็กอนุบาลธรรมดาคนหนึ่ง และบอกว่า
"แม่ครับ ตลอดเวลาที่ผมอยุ่กับพ่อ ผมเหงามาก ผมขอโทษครับแม่  ผมขอโทษ"
เด้กคนนั้นก็ตอบ ฮิโรชิว่า "พี่ชายเป็นใครเหรอคะ"
ผมได้ยินยังแทบช็อก
ที่ผมซึ้งมากในความรักของแม่ที่อุตส่าห์ฝ่าฟันกลับชาติมาเกิดเพื่อมาเจอลูกแต่มันคือความจริงที่เจ็บปวดสำหรับคนกำพร้าแม่นะ
ผู้เขียนฝากบอกเลยใครที่มีแม่ก็รีบไปกอดท่านซะนะก่อนที่จะไม่มีโอกาสกอดพวกท่าน

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Blackfiles: Blacklist

       ณ กรุงเทพ.......
              หลังจากภารกิจของ พวกผมจบสิ้นภารกิจสุดยากลำบาก พวกผมก็ยื่นหนังสือลาออกกับผู้พันโคนิค ท่านผู้พันโคนิคไม่ค่อยเห็นด้วยกับการลาออก เพราะฝึกรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียว แต่พวกเชอร์แมนยังยืนยันจะลาออกและคืนเครื่องแบบ และพวกผมก็ไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนปรกติ
ผมก็ยังหางานทำไม่ได้ เนปจูนได้งานดีมากคืองานช่างภาพเสี่ยงอันตราย ซึ่งก็นะงานอันตราย แต่เขาถนัดของอันตรายอยู่แล้ว แอนโธนีย์เป็นนักเขียนนิตยสาร(โคตรตรงกับงานที่เขาทำตอนเป็นทหารในหน่วยผมเลยแฮะ) ฮิวสตันก็ไปเป็นเชฟอาหารฝรั่ง(โหก็สมควรอ่ะอ้วนซะขนาดนี้) นิวเป็นช่างภาพอิสระ ส่วนจ่าซิสเต็มนี่เป็น ช่างเชื่อมเหล็ก อยู่ในโงต่อเรือแห่งหนึ่ง ซึ่งบางทีก็นัดไปเที่ยวด้วยกันซึ่งนิวกับเนปจูนนานๆจะมาที กว่าจะนัดมาตรงกันได้ก็ยากเพราะพวกเขาก็นะ อีกคนก็ทำงานอิสระยังพอนัดมาได้หรอก แต่เนปจูนนี่สิล่าสุดไปลักลอบถ่ายพวก ผู้ก่อการร้ายในเอเชียตะวันตก และเพิ่งมาถึงไทย จึงเชิญมาร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อมาพบปะสังสรรค์    และดื่มให้กับผู้กองคอนเนอร์ เล่าเรื่องราวที่ผ่านๆมาในชีวิตว่าใครเจออะไรมาบ้าง ชีวิตก่อนที่จะลาออกและก่อนที่จะมาเป็นทหารอาชีพและรับจ้างรบ ทีนี้ก็คือคงให้เล่าพร้อมๆกันก็กระไรอยู่ ก็เลยให้ เอาปากกาหมุนเอาก็ได้เนปจูนคนแรกก็ไม่รอช้า
               เนปจูนเล่า "เอาจริงๆก็ผมพูดไม่เก่งนะฝันอยากทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว 





             ทุกๆวันผมก็มักจะหาที่ดื่มกาแฟ และท่านผู้พันโคนิคก็มานั่งอยู่ตรงหน้า และกล่าว "เชอร์แมนผมต้องการคุณ ผมต้องการให้คุณกับสมาชิกกลับไปรบให้  หาไม่ก็จะให้ผมจัดกำลังฝึกให้ใหม่ได้ใหม"
ผมก็บอกผู้พันว่า"คนอื่นๆเขามีงานกันหมดแล้ว อันตัวผมก็เบื่อกับการรบแล้ว ผมก็รบให้ท่านมาหลายปีแล้วนะครับ"  ผู้พันตอบ "คุณกลับมาคนเดียวก็ได้ ผมต้องการคนมีความสามารถอย่างคุณ ประเทศต้องการคุณนะ"
            เชอร์แมนบอกผู้พัน"ผมขอเวลาอีกสักพักได้ใหมท่านผู้พัน ผมขอพักผ่อนหน่อยเถอะครับ ตอนนี้ผมขอปฏิเสธิไปก่อนได้ใหมครับ" ผู้พันทำหน้าเซ็งและถอนหายใจและกล่าว "รีบตัดสินใจละกันนะ ผมต้องการคุณ" และลุกขึ้นออกไป  อันตัวผมก็ไม่รู้จะทำยังไงกลับไปรบ ผมบอกตามตรงผมเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องรบ เจอคนตาย เจอการสูญเสีย ทุกวันนี้ ลูกน้องที่ผมฝึกล้วนล้มตายกันไปเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้ผมยังจำพวกเขาได้ เพราะแท็กแผ่นสแตนเลสของพวกเขายังอยู่ครบทุกคน ที่ผมมีนี่ไม่มีญาติมารับคืน ผมเลยเก็บใว้ภาวนาถึงพวกเขาทุกวันฝึกฝนด้วยความรัก ผมเสียใจมากแต่ก็ต้องเก็บอารมย์ใว้เพราะหน่วยรบพิเศษนั้นโดยปรกติแล้วก็ต้องทำใจเรื่องภารกิจยากลำบาก ซึ่งต้องมีตายกันบ้าง แต่ในหลายๆภารกิจที่กองทัพมอบให้มาเนี่ยล้วนแต่ยากลำบาก และลืมเรื่องกำลังเสริมได้เลย ไม่มีหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกจำกัดให้ใช้แค่เท่าที่มี  พวกบ้าเห่อนี่ก็นะเอากระสุนไปเยอะมากยังกับพวกหน่วยจู่โจมไต้น้ำ อย่างผมเหรอ รบเป็นเดือนๆก็เอาแม็กไปแค่ 14 แม็กเอง กับระเบิด 2ลูกก็พอแล้ว 
         หลังจากนั้นอีกหลายๆวันผู้พันก็แวะมาหาผมบ่อยๆและเสนอเรื่องเดิมๆผมก็ยังคงปฏิเสธิเหมือนเดิม จนกระทั่งวันหนึ่งในตอนเย็นรายการทีวีได้ออกรายการข่าวต่างประเทศ เรื่องประฐานาธิบดีที่เคยว่าจ้างผู้พันโคเนคและพวกผมได้ลูกลอบสังหารเสียชีวิตอย่างกระทันหัน     ทำเอาผมช็อคไปเลยครับ ผมเลยรีบติดต่อนัดพรรคพวกเก่าๆให้ชุมสายฉุกเฉินในกลุ่มลับในห้องลับในแชทรูม คุยกันเรื่องการตายของคนๆนี้ 
 จนกระทั่งครั้งที่สี่นี่ ผู้พันโคนิคก็ยังมาหาเหมือนเคยและหาผมเจอจนได้อีกครั้งผมล่ะงงจริงๆว่าเขาหาผมเจอได้ไงย้ายไปกี่ที่เขาก็หาผมเจอ  เขามานั่งข้างๆผมคราวนี้เขาคุยกับผม " เห็นข่าวเมื่อคืนแล้วสินะ"           ผมก็พยักหน้า"รู้อะไรใหมว่าพวกฝ่าย ROM ยังไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้นนะ เอาจริงๆหน่วยข่าวกรองเราก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่าศพแกนนำที่ตายในการบุกโจมตีครั้งก่อนเป็นแค่แพะเท่านั้นและ ผู้นำคนใหม่คนนี้นับว่าเป็นประธานาธิบดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการตายของประธานาธิบดีที่เพิ่งถูกลอบสังหารนี้ด้วย" เชอร์แมนแหงนหน้าไปมองแบบงงๆ ผู้พันโคนิคก็ได้เตือนถึงแผนที่ยังไม่ได้มีการยืนยันเรื่องการแก้แค้นสมาชิก ของกองกำลังเรายังไงก็ระวังตัวด้วยละกัน

        ฮิวสตันได้เช็ดมีดเช็ดอุปกรณ์เพื่อที่จะกลับบ้านแต่พอเปิดประตูก็ถูกถีบกระเด็น และลุกขึ้นมาชายดังกล่าวก็ชักปินออกมาพร้อมปลอกเก็บเสียง ฮิวสตันก็วิ่งไปรอบๆครัวพร้อมกับรีบวิ่งล้มโต๊ะเข้าที่กำบัง และเอาบังตอขว้างใส่ชายดังกล่าว ชายดังกล่าวก็เอามีดรับบังตอ และเอาเข้าวิ่งเข้าฟันฮิวสตันแบบบ้าคลั่ง ฮิวสตันก็ล้มลงหมดสติ จากนั้นโรงพยาบาลได้มารับตัวฮวสตันไปโรงพยาบาลและรีบรักษาเป็นการด่วน เชอร์แมนและทุกคนทราบข่าวจึงรีบมาหาฮิวสตัน ทางผมก็ถามว่าใครฟันมาวะเนี่ย ฮิวสตันก็ตอบว่าไม่รู้อยู่ดีๆก็ถูกยิงไม่ยั้งเลย คุยได้สักพักเชอร์แมนก็กลับจากนั้น เชอร์แมนเดินสวนกับชายแต่งชุดทักสิโดสีดำ เชอร์แมนรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรุนแรงมาก
แต่ชายลึกลับคนนั้นยังไม่เลิกรา พยายามไล่ฆ่าในห้องที่ฮิวสตัน
           




          ผู้พันโคนิค


         การบุกโจมตีของฝ่าย GOV ก็โจมตีประเทศไทยอย่างสายฟ้าแลบ และหนัก

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

Anti-Partisan Badge

เหรียญปราบกลุ่มหัวรุนแรง
Anti-Partisan Badge(Bandenkampfabzeichen)
ชนิดของโลหะ งานโลหะชุบ
ประเทศที่เป็นเจ้าของเหรียญ นาซีเยอรมันนี
มอบให้กับ:ผู้สามารถกำจัดหรือทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้
สมัย:สงครามโลกครั้งที่สอง
สถานะ:เลิกใช้แล้ว
ถูกนำมาใช้ครั้งแรก  วันที่ 30 มกราคม ปี ค.ศ. 1944
เหรียญปราบปรามกบฏกองโจร(German Bandenkampfabzeichen) เป็นเหรียญรางวัลในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมอบให้ทหารในสังกัด กองทัพบก กองทัพอากาศ และ กองกำลังเอสเอส เนื่องจากปราบปรามการลอบโจมตีของกบฏในแนวหลังของประเทศราชและในประเทศเยอรมัน เหรียญได้ถูกทำขึ้นในวันที่ 30 มกราคม ปีค.ศ. 1944 ชาวเยอรมันเรียกเหรียญนี้ว่า  "Bandenkampf-Abzeichen",
ซึ่งไฮน์ดริช ฮิมเลอร์ได้ตัดสินใจทำมาตรการเด็ดขาดกับพวกหัวรุนแรง
ซึ่งฮิมเลอร์ได้มอบรางวัลให้กับตัวเองด้วยเหรียญดังกล่าวซึ่งทำจากทองคำ
          พวกหัวรุนแรงมีแทบจะทุกที่ๆในประเทศที่เยอรมันเข้ารุกรานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
 และในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวนั้นจะมีขนาดเล็กและไม่เป็นระเบียบ ในหลายกรณีพวกเขารวมตัวกันเป็นขนาดใหญ่มาก และ แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะใน กรีซ รัสเซีย และ ยูโกสลาเวีย
พวกหัวรุนแรงกลายเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวที่อันตรายมากที่ต้องใช้กำลังเข้าทำลาย ซึ่งเหรียญนี้เป็นเหรียญที่ทำขึ้นมาเพื่อเป็นสิ่งที่จะมอบให้กับผู้เสียสละนี้

ชนิดของเหรียญ
เหรียญดังกล่าวมี 3 ชนิด

1.สีทองเหลือง สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 20 ครั้ง
2.สีเงิน สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 50 ครั้ง
3.สีทอง สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 100 ครั้ง

เกณฑ์กำหนดอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับทหารอากาศ(Luftwaffe) ซึ่งมี 3 ชนิด


1.สีทองเหลือง สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 30 ครั้ง
2.สีเงิน สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 75 ครั้ง
3.สีทอง สำหรับ ผู้ที่รบและทำลายกลุ่มหัวรุนแรงได้ 150 ครั้ง
เนื่องจากมักจะเน้นการสนับสนุนกองทัพบกมากกว่าจะบุกไปถึงรังของพวกหัวรุนแรง

การออกแบบ
      เหรียญทุกรุ่นจะมีหัวกระโหลกทับอยู่บนโครงกระดูกไขว้ ล้อมรอบด้วยใบโอ๊ค และดาบอยู่ตรงกลาง
 และมีสัญลักษณ์สวัสติกะอยู่ตรงกลาง และดาบก็ปักลงบนตัวของไฮดรา(Hydra)
ซึ่งมีห้าหัว หมายถึงกลุ่มหัวรุนแรง
กองทัพบก มักจะหลีกเลี่ยงที่จะติดบนอก ในขณะที่เอสเอสติดเหรียญดังกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ และอ้างว่า เหรียญนี้ เป็นเหรียญของ"พวกเขา"



แหล่งอ้างอิง
                "Altenburger Andreas Lexikon der Wehrmacht Retrieved from the original 5-6-2009". Lexikon-der-wehrmacht.de. Retrieved 2013-02-09.
"Bianchi, Sebastián J. Wehrmacht-Awards Retrieved from the original 5-6-2009". Wehrmacht-awards.com. 1944-01-30. Retrieved 2013-02-09.
"THE ANTI-PARTISAN WAR BADGE: HITLER’S MOST GROTESQUE DECORATION By Eric Johansson and Brian Bowerman". Manions.com. Retrieved 2013-02-09.

Can't find topic? find it here!